สวยใสง่าย ๆ ด้วยวิทยาการเพื่อผิวอ่อนเยาว์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนพยายามต่อสู้เพื่อรักษาใบหน้าที่อ่อนเยาว์เอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากการใช้ครีมบำรุงต่าง ๆ แล้ว ยังมีทางลัดที่ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นผล ซึ่งต้องขอบคุณวิทยาการและนวัตกรรมความงามใหม่ ๆ ที่พัฒนามากขึ้นในทุก ๆ วัน วันนี้กระปุกดอทคอมได้ไปเก็บเกี่ยวความรู้ 3 วิทยาการความงามใหม่ ๆ ของต่างประเทศมาฝากกันจากเว็บไซต์ของ Harper’s Bazaar มาฝาก สำหรับสาว ๆ ที่รักความสวยความงามที่ต้องการอัพเดทความก้าวหน้าเรื่องความอ่อนเยาว์โดยเฉพาะ โดยวิทยาการใหม่ทั้ง 3 ตัวนี้ มีความโดดเด่นที่มีระยะเวลาพักฟื้นไม่นานนัก ทำให้ผู้ที่ทำสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติแม้หลังการทำทรีตเม้นต์
CLEAR + BRILLIANT : วิทยาการเพื่อผิวสว่างใส
วิทยาการนี้ทำงานโดยเลเซอร์ที่อ่อนโยนกับผิว ซึ่งช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง อันจะทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง พร้อมริ้วรอยก็จะดูตื้นขึ้น นอกจากนี้จุดเด่นของเลเซอร์ตัวนี้คือปลอดภัยกับทุกสีผิว และยังไม่ทิ้งรอยไหม้ไว้บนผิวให้คุณต้องหลบหน้าผู้คนในช่วงพักฟื้นด้วย โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 250-500 ดอลลาร์ (7,580-15,160 บาท)
ผู้ที่เหมาะกับเลเซอร์ประเภทนี้
วัย 30-40 ปี ที่ต้องการมีใบหน้าที่เรียบเนียนและเปล่งปลั่งขึ้น รวมทั้งอ่อนโยนกว่าการทำทรีตเม้นต์โดยเลเซอร์แบบเข้มข้น และต้องการหลีกเลี่ยงผิวแดงไหม้หลังการเลเซอร์
กลุ่มปัญหาที่เข้าแก้ไข
ริ้วรอยต่าง ๆ จุดด่างดำ สีผิวและผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ รวมทั้งฝ้าจากแดด แต่ยังไม่ตรงจุดสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยลึก
บริเวณที่สามารถทำเทรีตเม้นต์ได้
ใบหน้า ลำคอ อก และมือ
ระยะเวลาในการทำ
40 นาที (รวมเวลาให้ยาชาออกฤทธิ์ 15-20 นาที)
ความรู้สึกขณะทำ
ผู้ที่เข้ารับการทำเลเซอร์อาจรู้สึกเหมือนโดยหยิก หรือจิ้มเบา ๆ แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร
สภาพใบหน้าหลังการเลเซอร์
ผิวหน้าจะแดงแต่จะหายไปได้เองภายในวันรุ่งขึ้น (ในรายที่ผิวแห้งอาจใช้เวลาราว 2 วัน)
ความเสี่ยง
อาจเกิดอาการผิวเห่อแดง ผิวไหม้ หรือสะเก็ดแผลได้ แต่โอกาสเกิดขึ้นมีน้อยมาก
เพื่อให้เห็นผลอย่างต่อเนื่อง ควรทำทุก ๆ 3 เดือน
eMATRIX : วิทยาการลบเลือนริ้วรอย
ในขณะที่ CLEAR + BRILLIANT เน้นเรื่องผิวสว่างใส และลดริ้วรอยเล็ก ๆ ก่อนที่จะกลายเป็นร่องลึก eMATRIX จะเน้นไปด้านกำจัดริ้วรอย และรอยแผลบนใบหน้า โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุแบบไบโพลาร์ ซึ่งจะส่งคลื่นไปกระตุ้นชั้นใต้ผิวหนังเพื่อให้ผลิตคอลลาเจลเพิ่มขึ้น โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน กลไกการทำงานจึงคล้ายกับทรงกรวยคว่ำ โดยส่วยปลายแหลมคือส่วนที่ทำงานกับผิวชั้นนอกสุด ในขณะที่พลังงานร้อยละ 95 ที่เหลือ อันเปรียบเหมือนด้านฐานกว้างของกรวย จะเข้าทำงานกับชั้นผิวภายใน จึงไม่จำเป็นต้องมีระยะพักฟื้นเพื่อปรับสภาพผิวชั้นนอกนั่นเอง โดยมีค่าใช้จ่ายราว 750-1,200 ดอลลาร์ (ราว 22,700-36,300 บาท)
ผู้ที่เหมาะกับเลเซอร์ประเภทนี้
วัย 35-45 ปี ที่ประสบกับปัญหาริ้วรอยแห่งวัย และร่องลึกที่ปรากฏเร็วเกินไป นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องรอยดำจากสิว และผิวตะปุ่มตะป่ำไม่สม่ำเสมอ
กลุ่มปัญหาที่เข้าแก้ไข
ริ้วรอย ร่องลึก รอยแผลจากสิว อีสุกอีใส หรือรอยแผลจากการทำศัลยกรรม
บริเวณที่สามารถทำเทรีตเม้นต์ได้
ใบหน้า ลำคอ อก และมือ
ระยะเวลาในการทำ
ใช้เวลาให้ยาชาออกฤทธิ์ 15-30 นาที และเวลาทำทรีตเม้นต์อีก 20-30 นาที
ความรู้สึกขณะทำ
ผู้ป่วยแทบไม่รู้สึกเจ็บปวด ในบางรายสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา โดยอุปกรณ์มีลักษณะเป็นคล้ายปืน ที่ปลายจะมีขั้วไฟฟ้าเพื่อแนบกับผิว และจะส่งพลังงานไปทำงานกับชั้นผิวข้างใต้
สภาพใบหน้าหลังการทรีตเม้นต์
ใบหน้าจะแดงประมาณ 1-2 วัน
ความเสี่ยง
อาจเกิดสะเก็ดแผล หรือรอยไหม้ได้บ้าง ซึ่งพบได้น้อยมาก
เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการลดเรื่องรอยแผลและจุดด่างดำ ควรทำ 3-4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งห่างกัน 2-4 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่ต้องการลดเรื่องริ้วรอยและร่องลึก ควรทำ 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ และริ้วรอยอาจเกิดขึ้นได้อีกเนื่องจากการถูกแดด จึงควรกลับมาทำซ้ำหลังจากทำครั้งแรกไป 1 ปี
ePRIME : วิทยาการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม
วิทยาการเพื่อยกกระชับผิวหน้าโดยทั่วไปมักทำงานโดยส่งพลังงานเข้าไปยังชั้นผิวหนัง โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุแบบไบโพลาร์ เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อย่างไรก็ดีพลังงานส่วนหนึ่งมักถูกผิวดูดซับเอาไว้ตามกลไกป้องกันตัวเอง ทำให้การทำทรีตเม้นต์ไม่เห็นผลเท่าที่ควร แต่ด้วยวิทยาการตัวใหม่อย่าง ePRIME สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ได้ เพราะเครื่อง ePRIME อันประกอบด้วยเข็มขนาดเล็กบางเท่าเส้นผมจำนวน 5 คู่ สามารถวัดค่าอุณหภูมิของผิว และคำนวณปริมาณพลังงานที่พอดีกับผิวในแต่ละบริเวณได้ จึงไม่ทำให้ผิวไหม้ และด้วยปลายเข็มขนาดเล็กที่ใช้ส่งผ่านพลังงานลงไปยังชั้นผิวข้างใต้ ทำให้ผิวด้านนอกไม่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ePRIME ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่ใช่แค่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจล แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างอีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิกในผิวอีกด้วย โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,500-4,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 75,700-136,300 บาท)
ผู้ที่เหมาะกับเลเซอร์ประเภทนี้
วัย 40-55 ปี ที่มีปัญหาเรื่องผิวขาดความกระชับ ผิวบุ๋มหรือเป็นหลุมลงไป รอยแผลจากสิว และฝ้าจากแดด ด้วยวิทยาการนี้จะช่วยเรียกสมดุลของผิวกลับคืนมา
กลุ่มปัญหาที่เข้าแก้ไข
ผิวหย่อนยานขาดความกระชับ ริ้วรอยลึก และรอยแผลจากสิว
บริเวณที่สามารถทำเทรีตเม้นต์ได้
ใบหน้า และกำลังอยู่ระหว่างรอผลประเมินว่าสามารถใช้กับผิวบริเวณลำคอ แขน และหน้าท้องได้หรือไม่
ระยะเวลาในการทำ
ระยะเวลายาชาออกฤทธิ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยแพทย์จะใช้ยาชาประเภทลิโดเคน (lidocaine) ชนิดเข้มข้นต่ำฉีดบริเวณที่จะทำ และใช้เวลาทำทรีตเม้นต์ราว 45-60 นาที
ความรู้สึกขณะทำ
ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด เนื่องจากปลายเข็มมีขนาดเล็กมาก
สภาพใบหน้าหลังการทรีตเม้นต์
อาจมีอาการผิวแดงและบวม แต่สามารถหายเองได้ภายใน 2 วัน
ความเสี่ยง
ยังไม่มีรายงานผลกระทบทำใด ๆ
นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำให้เว้นช่วงเวลา 1-3 ปี ก่อนที่จำเข้ารับการทำทรีตเม้นต์ครั้งต่อไป
วิทยาการเพื่อความงามที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้หญิงอย่างเรามีตัวช่วยที่หลากหลายขึ้น แต่อย่างไรก็ดีอย่าลืมดูแลผิวเป็นประจำตั้งแต่ตอนนี้กันด้วยนะคะ
ขอบคุณ Credit ข้อมูลจาก
4,238 thoughts on “สวยใสง่าย ๆ ด้วยวิทยาการเพื่อผิวอ่อนเยาว์”