01_2031

ฝ้าแบบไหน กำจัดยังไงดี

ฝ้าแบบไหน กำจัดยังไงดี (Lisa)

ไม่ต้องกังวลเมื่อฝ้ามาเยือน หากคุณรู้สาเหตุ ก็สามารถป้องกันได้ และเมื่อเกิดฝ้าขึ้นแล้ว คุณยังพอมีแนวทางในการเลือกวิธีรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ผิวหนังอีกด้วย

 

สาเหตุ

ปัญหาเรื่องฝ้าเกิดจากการที่มีเม็ดสีเมลานิน (Melanin Pigment) สะสมในผิวหนังมากผิดปกติ เป็นปัญหาที่ควรระวังในหญิงวัยกลางคน แต่คุณสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ยังสาวด้วยการทาครีมกันแดดเพื่อไม่ให้เซลล์ผิวถูกทั้งรังสี UVA และ UVB ทำร้ายนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกนั่นก็คือ ฮอร์โมน ฮอร์โมนเพศทั้งชนิดเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน มีส่วนทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้ โดยเฉพาะในคนที่ใช้ยาคุมกำเนิดและสตรีมีครรภ์ แต่ฝ้านั้นจะจางลงได้เมื่อหยุดใช้ยาคุมกำเนิดและภายหลังการคลอดบุตร

ยาบางชนิดอาจมีส่วนทำให้ฝ้ามีสีคล้ำขึ้น เช่น ยากันชักชนิด Diphenylhydantoin เป็นต้น การแพ้เครื่องสำอาง อาการแพ้มักเกิดจากสีหรือน้ำหอมที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางที่ใช้พันธุกรรม เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณได้รับฝ้าเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษได้

ชนิดของฝ้า

ฝ้ามีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาล พบบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก เหนือริมฝีปากด้านบน และคาง ผื่นมักมีสีคล้ำขึ้น เมื่อถูกแสงแดด ดังนั้นจะแบ่งออกเป็น

 1.ฝ้าที่เกิดในบริเวณหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม บริเวณขอบเขตของผื่นจะเห็นชัดเจน สามารถรักษาได้ง่ายเพราะเม็ดสีเมลานินฝังตัวอยู่ในผิวหนังไม่ค่อยลึก

 2.ฝ้าที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ผื่นฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้ม ขอบเขตจะเห็นไม่ชัด เจนเพราะเมลานินฝังตัวลึก จึงรักษายากขึ้นตามไปด้วย

 3.ชนิดผสม ก็คือทั้งชนิดแรกและชนิดที่สองรวมกัน คือมีเม็ดสีเมลานินกระจายอยู่ทั้งในชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า ในบางครั้งอาจต้องใช้กล้องแสงอัลตร้าไว้โอเล็ต (UV Camera) ช่วยในการวิเคราะห์ชนิดของฝ้า

How to Fix

 การรักษาฝ้านั้นหลักสำคัญคือ

หลีกเลี่ยงหรือป้องกันปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดฝ้า หรือเป็นฝ้ามากขึ้น ควรเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาชนิดอื่น ที่กระตุ้นให้ฝ้าคล้ำกว่าเดิม และพยายามเลี่ยงแสงแดด ควรเลือกครีมกันแดดที่กันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB โดยควรมีค่า SPF ประมาณ 15-30 หรือมากกว่านั้น แต่ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ นั้นมักมีเนื้อเข้มข้น ซึ่งอาจทำให้ผิวมันและเกิดสิวได้ง่าย

Fast-Fix

Microdermabrasion การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี ถูกนำมาใช้ในการรักษาฝ้าเพื่อเร่งขจัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าให้หลุดลอกเร็วขึ้น ใช้ได้ผลสำหรับฝ้าที่อยู่ในชั้นตื้น ๆ แต่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย หากกำหนดระดับความแรงในการทำงานของเครื่องมือสูงเกินไป อาจทำให้เกิดบาดแผลถลอกและมีเลือดออกได้เหมือนกัน Intense Pulsed Light (IPL) การรักษาด้วยเครื่องให้กำเนิดแสงความเข้มสูงที่มีเลเซอร์ในการรักษาให้เลือกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น Q-Switch, Nd : YAG, Q-Switch Ruby และ Fraxel ซึ่งใช้เทคนิคต่างกันออกไป แต่มีหลักการเดียวกันคือให้กำเนิดพลังงานแสงไปยังบริเวณผิวที่เกิดฝ้า ผิวหนังส่วนที่มีเมลานินมากกว่าปกติจะดูดซับพลังงานแสงแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เมลานินที่เกินมาก็จะถูกทำลายและลดจำนวนลง ฝ้าก็จะจางหายไป

แม้จะเห็นผลการรักษาได้ค่อนข้างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการเกิดเม็ดสีที่จะสะสมขึ้นมาใหม่ได้ ทำได้เพียงแค่หยุดการเกิดเม็ดสี ส่วนเกินเมื่อมันเกิดขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ก็มีโอกาสที่ฝ้าจะกลับมาอีก หลังการทำเลเซอร์ จึงต้องทายาลดจำนวนเม็ดสีควบคู่กับการใช้ครีมกันแดดสม่ำเสมออยู่ นับได้ว่าการรักษาฝ้านั้นยังมีข้อจำกัดอยู่มาก และไม่สามารถรักษาให้หายได้ หากไม่รู้สาเหตุการเกิดฝ้าที่แน่ชัด ก็ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดีซะก่อน จึงจะปลอดภัย

Slow-Fix

 การพยายามรักษาให้รอยคล้ำนั้นจางลง ได้แก่

เวชสำอางหรือผลิตภัณฑ์รักษาฝ้านั้นใช้วิธีการผลัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าออกไป เพื่อให้เมลานินถูกขจัดออกไปได้เร็วขึ้น โดยมักใช้กรด AHA หรือกรดวิตามินเอที่ค่อนข้างให้ผลดี แต่มีผลกระทบคือจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองง่ายและไวต่อแสงแดด

 

 

 

ขอบคุณ Credit ข้อมูลจาก

Kapook

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.12 No.45 23 พฤศจิกายน 2554

ใส่ความเห็น