b_7508_83392

การฉีดคอลาเจน

 

collagen เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง คือ scleroprotein ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) โดยจะอยู่ในรูปของ fiber ที่ประกอบด้วย peptide chain (สายไขมัน) 3 สายที่เรียกว่า triple helix โดยจะถูกสร้างโดย fibroblast มีคุณสมบัติทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประสิทธิภาพความยืดหยุ่นของคอลลาเจนจะเสียไป โดย พบว่าคอลลาเจนจะเหนียวมากขึ้นและอุ้มน้ำได้น้อยลง จึงทำให้ผิวหน้าแห้งได้ง่าย
การฉีดคอลลาเจน เพื่อนำมาแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ได้มีการนำมาใช้ในระยะ 20 กว่าปีที่ผ่านมา (ค.ศ.1981) อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมตกแต่งการเติมสารคอลลาเจน อาจทำให้เกิดปฏิกริยาต่อผิวหนังได้ 3 ลักษณะดังนี้1. ปฎิกริยาจากการชอกช้ำ (Trauma) ซึ่งเป็นผลจากการแทงเข็ม และดันสารคอลลาเจนเข้าไป โดยจะพบเป็นรอยแดง หรือฟกช้ำ ซึ่งอาจหายได้เอง ภายใน 1-7 วัน
2. ปฏิกริยาจากการแพ้ เนื่องจากสารคอลลาเจนเป็นสารแปลกปลอม แม้จะได้ทำการสังเคราะห์ลดปฎิกริยาการแพ้แล้ว ก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ดังนั้นก่อนทำการฉีด แพทย์ส่วนใหญ่จะทำการทดสอบการแพ้ โดยลองฉีดสารคอลลาเจนเข้าที่บริเวณท้องแขน แล้วรอแปลผล ประมาณ 4 สัปดาห์ว่าบริเวณที่ฉีดมีอาการแพ้ แล้วเกิดบวมแดง หรือบวมนูน ถ้าไม่พบรอยดังกล่าวก็น่าจะฉีดได้ นอกจากนี้ อาการแพ้อาจเกิดกับร่างกายบริเวณอื่น เช่น ไขข้ออักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นต้น
3. ปฏิกริยาจากการฉีด มักเกิดจากการฉีดที่ไม่ชำนาญ โดยอาจฉีดตื้น หรือ ปริมาณมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นตุ่นนูนเรื้อรัง หรืออาการติดเชื้อบวมแดง

ข้อจำกัดในการฉีดสารคอลลาเจน ได้แก่

1. มีอาการแพ้ได้บ้าง (ประมาณ 1-4 %)
2. ไม่คงตัวถาวร ต้องฉีดซ้ำ ภายใน 6-8 เดือน
3. ริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก อาจทำให้เห็นเป็นรอยนูน เนื่องจากปริมาณที่ฉีดไม่พอดีกับรอยร่องหลุม
4. ตำแหน่งที่ฉีดแต่ละแห่ง อาจมีวิธีฉีดแตกต่างกัน ทั้งปริมาณ ตำแหน่งของเข็มที่ปักลงไป ชนิดของคอลลาเจน เพื่อผลการรักษาที่แตกต่าง

สิ่งที่ควรรู้ก่อนการฉีดคอลาเจน

 การฉีดคอลลาเจนไม่ได้ช่วยลบริ้วรอยแผลเป็นใดๆ เพียงแต่ทำให้แผลตื้นขึ้น  ดูดีขึ้น
 การฉีดคอลลาเจนในรายที่ผิวหนังเหี่ยวย่น ( Aging face ) ไม่สามารถทดแทนการผ่าตัดดึงหน้าได้ ( Facelift )
 คอลลาเจนที่ฉีดเข้าไปจะสลายตัวหมดภายใน 6 – 24 เดือน
 3 % ของคนที่ฉีดคอลลาเจนจะเกิดอาการแพ้ ดังนั้นท่านจะต้องทำการทดสอบผิวหนังก่อนการฉีดคอลลาเจน
ประมาณ 1 เดือน จึงจะแปลผลได้ว่าท่านแพ้คอลลาเจนหรือไม่

ที่มา:

http://www.samunpai.com/update/show.php?cat=15&id=277

Collagen คืออะไร

  • เป็น โปรตีนชนิดหนึ่งของร่างกาย สามารถพบได้ทุกส่วนของร่างกาย ทำหน้าที่เสมือนกาวยึดโครงสร้างต่างๆเข้าด้วยกัน และยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ
  • โครงสร้าง Collagen ของคนและสัตว์มีความใกล้เคียงกัน จึงได้นำ collagen ของสัตว์มาใช้ในคน
  • องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้รับรองการใช้ collagen มาแก้ไขรอยย่นหรือแผลเป็นของผิวหนัง

ข้อบ่งชี้ในการฉีด Collagen

  • แผลเป็นจากสิว
  • แผลเป็นจากอุบัติเหตุ
  • ผิวย่นจากอายุมาก
  • รอยตีนกา

ข้อห้ามในการฉีด

  • แพ้สาร Collagen
  • แพ้ยาชา
  • ตั้งครรภ์
  • โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันธ์เช่น  dermatomyocitis

การเลือกชนิดของสารที่จะใช้ฉีด

การเลือกของสารที่จะฉีดขึ้นกับความลึกของแผลเป็น ซึ่งจะใช้ไม่เหมือนกัน

  • แผลตื้นๆให้ใช้สาร Collagen, hyaluronic acid polymers
  • แผลลึก ไขมันFat, สารสังเคราะห์ synthetic materials, ซิลืโคน silicone, implants, or permanent fillers

ความเสี่ยงของการฉีด Collagen

  • แพ้ยาชาที่เป็นส่วนผสมของ collagen
  • แพ้สาร collagen โดยเฉพาะที่ได้จากสัตว์
  • ผื่นแดง
  • บวมและเขียวบริเวณที่ฉีด
  • คันบริเวณที่ฉีด
  • ก้อนใต้ผิวหนัง
  • ฝีบริเวณที่ฉีด

ชนิดของ Collagen

เราสามารถแบ่งสาร Collagen ที่นำมาฉีดได้เป็นชนิดดังนี้

1.       Collagen ที่เตรียมจากสัตว์หรือที่เรียกว่า Bovine collagen เช่น Zyderm I and II, Zyplast, Resoplast

2.       Human collagen เป็น collagen ที่ได้จากคนแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ

  • Allogeneic เป็นcollagen ที่ได้จากคนอื่นเช่น Dermalogen, AlloDerm, Fascian, Cymetra สารพวกนี้อาจจะก่อให้เกิดแพ้
  • Autologous collagen เป็นcollagen ที่เตรียมจากตัวผู้ป่วยเอง จะไม่เกิดอาการแพ้

Zyderm and Zyplast collagen

เป็น collagen ที่เตรียมจากสัตว์และเป็นสารตัวแรกที่องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 20 ปีก่อน ยาจะเตรียมอยู่ใน syringe ขนาด 1 ลบ.ซซ
และผสมยาชาด้วยแบ่งออกเป็น 3 ชนิด

  • Zyderm I collagen ประกอบด้วย collagen 25%หลังฉีดจะอยู่ได้นาน 6-10 เดือนเหมาะสำหรับแผลตื้นๆ
  • Zyderm II มีส่วนประกอบของ collagen  มากกว่าชนิดแรก เหมาะสำหรับแผลที่ใหญ่และอยู่ได้นานกว่า
  • Zyplast ใช้กับแผลที่ลึกและใหญ่และสามารอยู่ได้นานกว่า

ข้อ เสียของการฉีดสารกลุ่มนี้ได้แก่ต้องฉีดบ่อย และอาจจะเกิดการแพ้ได้ แต่ไม่มาก การทดสอบว่าแพ้ต่อสารที่ฉีดจะช่วยให้ลดอาการแพ้โดยการฉีดเข้าที่ท้องแขนก่อน การฉีดจริง 4 สัปดาห์ ผู้ป่วยร้อยละ 97 จะไม่แพ้

Fibrel

เป็นสารที่เตรียมจากสารสามชนิดคือ gelatin, amino caproic acid, และ plasma เมื่อฉีดเข้าไปใต้แผลเป็นจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารcollagen แต่ปัจจุบันไม่ต้องใช้plasma เป็นส่วนผสมทำให้ผลการรักษาอยู่ได้ถึง 5 ปี ผลข้างเคียงของการฉีดคือจะมีอาการอักเสบบริเวณที่ฉีดยา

Artecoll

เป็นสารที่ทำมาจากสารสังเคราะห์ polymethyl methacrylate microspheres (PMMA) ละลายใน collagen เมื่อฉีดเข้าใต้ผิวหนังสาร collagen จะถูกดูดซึมเหลือแต่สารPMMA ซึ่งจะอยู่ที่แผลเป็น

Hylan B gel

เป็นสาร Hyluronic acid ที่เตรียมได้จากสัตว์ปีกจะมีคุณสมบัติใกล้เคียงของคนทำให้ไม่ต้องทดสอบผิวหนังก่อนฉีด จะต้องฉีด 2-3 ครั้งและผลของการฉีดอยู่ได้ 9-12 เดือน ผลข้างเคียงมีน้อย อาจจะมีผื่นแดง ผื่นแพ้

Resoplast

เป็นสาร collagen ที่เตรียมจากวัวมีความเข้มข้นสองขนาดคือ 3.5 และ6.5%จะใช้เหมือน Zyderm I และ Zyderm II จะต้องทดสอบผิวหนังก่อนการฉีด หากแพ้ Zyderm ก็ไม่สามารถฉีดสารตัวนี้

Autologen

เป็นcollagen ที่ได้จากตัวคนไข้เองผลดีจากการใช้ของตัวเองคือไม่แพ้ และอยู่ได้นานพบว่าร้อย75ผลการรักษาอยู่ได้เกิน 1 ปี

Isolagen

เป็นการนำผิวหนังของผู้ป่วยไปสกัดเอาและเพาะเลี้ยงเอา collagen แล้วนำมาฉีดให้ผู้ป่วยดังนั้นจึงจะมี collagen ของผู้ป่วยสำหรับการฉีดครั้งต่อไป เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อตัวเองจึงไม่เกิดอาการแพ้

Dermalogen

เป็น collagen ที่เตรียมได้จากคนซึ่งเก็บไว้ในธนาคารเนื้อเยื่อ ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อหลายขั้นตอนจนกระทั่งไม่มีเชื้อไวรัสหรือโรควัวบ้า ประกอบไปด้วย collagen และ ส่วนประกอบนำไปเก็บไว้ เนื่องจากไม่มียาชาผสมก่อนการฉีดอาจจะต้องใช้ครีมยาชาทาก่อน หลังจากฉีดร่างกายจะมีการสร้างเส้นเลือดไปเหล่าเลี้ยงและสร้าง collagen ขึ้นใหม่ อาจจะต้องฉีด 2-3 ครั้งเพื่อให้ผลที่ดี

Alloderm

เป็นการนำเนื้อเยื่อผิวหนังขนาด 1-2 มม สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อให้เนื้อเยื่อนี้เจริญเป็น collagen ผลการรักษาได้ผลดีและอยู่ได้นาน


ขอบคุณเนื้อหาจาก  เอสธิกาคลินิก

Credit: siliconeclub.com