การดึงหน้าและคอ
การผ่าตัดดึงหน้า(Rhytidectomy, Face Lift Surgery)
ภาวะการแก่ชรา(Aging Process) เริ่มเมื่ออายุ 30 ปี โดยจะมีส่วนประกอบใหญ่ๆ สองส่วนคือ
1.ความเสื่อมโดยธรรมชาติและแสงแดดทำให้ ผิวหนังบางลง มีริ้วรอยย่นขนาดเล็กๆ หรือจุดเม็ดสีที่ผิดปกติ
2.ผิว หนังหย่อนยานลงจากแรงโน้มถ่วงของโลก เห็นได้จากคิ้วที่ตกลงมาพร้อมๆกับหนังตาบน หนังตาล่างและแก้มที่หย่อนลงมาทำให้โหนกแก้มดูต่ำลง เกิดร่องข้างแก้มและจมูก หรือแก้มที่ห้อยลงมาจนมองไม่เห็นขอบของกระดูกขากรรไกรล่าง รวมทั้งคอที่เห็นเป็นสันและไขมันใต้คางที่ย้อยลงมาทำให้คางดูสั้นลงหรือเห็น เป็นสองชั้น
การผ่าตัดดึงหน้าและคอจะช่วยในกรณีที่ 2 นี้โดยการดึงให้ส่วนที่ตกลงมากลับไปอยู่ในที่ที่ควรจะเป็นให้ได้มากที่สุด ร่วมกับการตัดผิวหนังส่วนเกินออก ส่วนริ้วรอยขนาดเล็กๆที่เหลืออยู่และจุดเม็ดสีที่ผิดปกติต้องแก้ไขด้วยวิธี อื่น เช่น การใช้สารเคมี (Chemical Peeling) และการใช้เลเซอร์ เป็นต้น
การผ่าตัด
การ ผ่าตัดมักจะกระทำโดยการดมยาสลบหรือการทำให้หลับโดยการฉีดยาร่วมกับการฉฉีดยา ชาเฉพาะที่ การผ่าตัดจะพยายามซ่อนแผลให้มองเห็นได้น้อยที่สุด เช่นการดึงหน้าผากก็จะซ่อนแผลเอาไว้หลังไรผม โดยในสมัยก่อนแผลผ่าตัดจะยาวจากหูซ้ายถึงหูขวา แต่ในปัจจุบันเราสามารถทำการผ่าตัดผ่านกล้องได้ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง มากและในการผ่าตัดยังสามารถที่จะตัดกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นระหว่าง คิ้วได้อีกด้วย สำหรับการผ่าตัดดึงหน้าแผลจะอยู่บริเวณหน้าใบหูและอาจจะอ้อมไปหลังใบหูซึ่ง เมื่อแผลหายดีแล้วก็จะมองไม่ค่อยเห็นเช่นกัน ส่วนการผ่าตัดดึงคอมักจะทำไปพร้อมๆกันกับการดึงหน้าแต่ก็อาจจะทำแยกต่างหาก ได้ โดยจะมีแผลเพิ่มขึ้นบริเวณใต้คางและ/หรือบริเวณไรผมด้านหลัง ในการผ่าตัดดึงคอเราจะเอาไขมันส่วนเกินออกแล้วเย็บกล้ามเนื้อที่แยกออกจน เห็นเป็นสันเข้ามาหากันและตัดหนังส่วนเกินออกทางด้านหลัง
อย่างไรก็ ตามการผ่าตัดก็จะช่วยให้ดีขึ้นในระดับหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถทำให้ผิวหนังดู อ่อนเยาว์เหมือนวัยรุ่นได้และเมื่อเวลาผ่านไปอาจจะต้องมารับการผ่าตัดซ้ำอีก เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะหยุดยั้งสาเหตุที่กล่าวมาแล้วได้
หลังการผ่า ตัดอาจจะมีสายระบายเลือดและน้ำเหลืองซึ่งจะเอาออกในวันรุ่งขึ้น หลังการผ่าตัดมักจะไม่ค่อยมีอาการเจ็บปวดเนื่องจากเส้นประสาทที่มาเลี้ยงผิว หนังถูกตัดออกไปทำให้มีอาการชาซึ่งจะเป็นอยู่เพียงชั่วคราวและจะกลับมาเป็น ปกติภายใน 1-2 เดือน ในระหว่างนี้จึงควรระมัดระวังในการประคบหรือการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเนื่อง จากอาจเกิดแผลน้ำร้อนลวกได้
ภาวะแทรกซ้อน
1.?การติดเชื้อ
2.?มี เลือดคั่งในแผล ถ้าเกิดขึ้นจะทำให้มีอาการปวดแผลมากซึ่งโดยปกติหลังการผ่าตัดดึงหน้ามักจะ ไม่มีอาการปวดแผลดังที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นถ้ามีอาการปวดแผลมากขึ้นหลังการผ่าตัดต้องรีบแจ้งให้แพทย์ทราบโดย ทันที
3.?กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของใบหน้าไม่ทำงานซึ่งมักจะ เป็นชั่วคราวและมักจะกลับมาเป็นปกติภายในสามเดือน เกิดขึ้นเนื่องจากเส้นประสาทได้รับการกระทบกระเทือนจากการผ่าตัด แต่ก็อาจจะเกิดแบบถาวรได้ถ้าเส้นประสาทถูกตัดขาดซึ่งพบได้ค่อนข้างน้อย
4.?ผิว หนังตายจากการขาดเลือดโดยมากมักจะเกิดบริเวณหลังใบหูเนื่องจากผิวหนังบาง มีความตึงและอยู่ไกลที่สุด รักษาโดยการทำแผล 2-3 สัปดาห์ก็จะหายได้เอง
5.?ผมร่วงบริเวณขมับ อาจเกิดได้ถ้าดึงผิวหนังบริเวณขมับจนตึงเกินไป
6.?แผลเป็น พบได้น้อยมักจะพบบริเวณหลังใบหู สามารถแก้ไขโดยการฉีดยาให้แผลเป็นยุบลง
ข้อเขียนโดย นพ.นราธิป ทรงทอง ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมความงาม ประจำรพ.วิภาวดี
วิธี ดึ งหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด(minimal invasive face lift) หมายถึง การดึงหน้าที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่โต มีได้ตั้งแต่การ ดึงหน้า โดยใช้กล้องเข้ามาช่วยเพื่อลดขนาดแผล หรือเปิดแผลเล็กๆ เข้าไปเย็บขึงยกเนื้อเยื่อที่หย่อน
ปัจจุบันที่กำลังเริ่มทดลองทำมากขึ้น คือ การใช้ไหมชื่อ aptos มีข้อดีคือ ทำด้วยการใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำที่คลินิกได้ ไม่บวมมาก ไม่มีแผลยาวเหมือนการดึงหน้าด้วยวิธีมาตรฐาน เห็นผลได้ทันที แต่ผลระยะยาวยังไม่สามารถสรุป
ขั้นตอนคือ ใช้เข็มที่มีรูกลวงสอดเข้าไปผ่านผิวหนังและชั้นเนื้อเยื่อต่างๆที่หย่อน แล้วตามด้วยการสอดไหมที่มีเงี่ยง เหมือนเป็นฟันเลื่อยทิศทางต่างๆ ผ่านรูปลายเข็ม ระหว่างที่สอดไหม แพทย์จะควบคุมหรือจัดรูปทรงของเนื้อเยื่อตามต้องการ เมื่อสอดไหมผ่านเข็มเสร็จ ก็ดึงเข็มออก ไหมจะค้างอยู่ใต้ผิวหนัง เงี่ยงเล็กของไหมจะเกี่ยวเกาะเนื้อเยื่อ แล้วรัดให้เป็นรูปทรงปูดนูนขึ้นค้างตามทิศทางที่แพทย์ควบคุมไว้
มีปลายสองข้างโผล่ออกมาจากผิวหนัง ทำการตัดไหมส่วนเกินทิ้ง
ส่วนใหญ่ต้องใช้ไหมหลายเส้น เพราะเนื้อเยื่อที่ทำการยก มีแรงถ่วงจากความหย่อน ร่วมกับแรงฝืนจากกล้ามเนื้อแสดงสีหน้า การเกี่ยวเกาะด้วยเงี่ยงเล็กมากๆจึงมีการคลายได้ เวลาทำจึงต้องทำเผื่อ
หลังการทำมีโอกาสเห็นรอยรั้งตามแนวของไหมที่สอด เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ทำการตัดผิวหนังที่หย่อนเกิน และส่วนใหญ่จะมีการคลายตัว จึงต้องทำการดึงรั้งเกินไว้
ผลที่ได้เป็นเพียงการจัดผิวหนังให้ยกนูนในส่วนต่างๆเท่านั้น เช่น แก้มยกสูงขึ้น เป็นต้น ไม่ได้มีผลการแก้ไขความหย่อนของกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านใน หรือผิวหนังที่หย่อนเกิน
บางคลีนิกไม่รับทำ การใช้ไหม Aptos เพราะ
- เป็นวิธีใหม่มากประมาณ 3-5 ปี ,ไม่ได้เป็นวิธีที่เป็นมาตรฐาน และ ยังไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป เพราะยังไม่มีศึกษาผลในระยะยาวอย่างชัดเจน เช่น
- ผลการยกจะเห็นผลนานถึงปีหรือไม่ มีความคุ้มกับค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งชุด หลายหมื่นบาท เมื่อเทียบกับผลที่จะได้จากการดึงหน้าตามวิธีมาตรฐานหรือไม่
– หลังการทำ เมื่อเกิดเยื่อพังผืดหดรัดในทิศทางต่างๆมีโอกาสทำให้เกิดการรัดในลักษณะเป็น ก้อนๆหรือไม่ ถ้าเกิดแล้วจะมีแนวทางการแก้ไขอย่างไรกับเยื่อพังผืดดังกล่าวเพื่อไม่ให้ เกิดความเสี่ยงกับเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้ามเนื้อแสดงสีหน้า
– กรณีที่ดึงแล้ว อนาคตเมื่อผิวหนังหย่อนมากจนต้องทำการตัดผิวหนังส่วนเกิน
และจำเป็นต้องทำการดึงหน้าด้วยวิธีมาตรฐาน มีโอกาสทำให้การดึงหน้าซับซ้อนและมีความเสี่ยงกับเส้นประสาทเลี้ยงกล้าม เนื้อแสดงสีหน้ามากขึ้น
สรุป เป็นการพัฒนาทาง ศัลยกรรมตกแต่ง ดึงหน้า ที่น่าสนใจ เพราะทำง่ายมาก สะดวกไม่ยุ่งยากกับหมอและคนไข้ แต่ด้วยเหตุผลบางส่วนที่กล่าวไว้ข้างต้น ปัจจุบันยังคงเลือกวิธีดึงหน้าแบบมาตรฐานเป็นทางเลือกแรก ถ้ามีคำตอบที่ชัดเจนจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือได้ และสามารถพัฒนารายละเอียดเทคนิกที่มีความคงทนได้แล้ว จึงจะพิจารณานำมาเลือกใช้ในรายที่ต้องการดึงหน้า โดยที่ไม่มีผิวหนังมากเกินค่ะ
เครดิตจาก http://www.missladyboys.com
เวลาอายุมากขึ้นผิวหนังและส่วนต่างๆ บริเวณใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โดยจะแบ่งคร่าวๆ เป็น 4 ส่วน ของใบหน้า
1. บริเวณหน้าผากและคิ้ว จะมีรอยย่นชัดเจนมากขึ้น และคิ้วทั้งสองข้างจะตกลงมาต่ำกว่าปกติ ทำให้หนังตาบนย้อยลงมาปิดขนตา
2. บริเวณรอบดวงตาและแก้มจะมีหนังตาหย่อนทั้งบนและล่าง หนังตาล่างก็จะมีบวมจากไขมัน และมีรอยย่นตีนกาบริเวณด้านข้างของตา บริเวณแก้มก็จะมีร่องชัดเจนขึ้น
3. บริเวณคางและแก้มส่วนล่าง โดยเฉพาะตรงบริเวณทางด้านข้างจะมีผิวหนังย้อยลงมาเลยขอบกระดูกของขากรรไกร ล่าง และจะมีผิวหนังส่วนเกินบริเวณข้างมุมปากชัดเจนขึ้น และใต้คางจะมีผิวหนังและไขมันย้อย
4. ผิวหนังบริเวณลำคอจะย่นและเป็นสันดูเหมือนย้อยมากขึ้น
การ รักษารอยย่นบริเวณใบหน้ารอบตาและแก้มมีหลายวิธี การใช้ยาลอกผิว (Chemical Peeling) ด้วยยาชนิดต่างๆ มักเป็นกรดอ่อนๆ จะทำให้ผิวหนังดูเรียบขึ้นก็จริง แต่ส่วนผิวหนังส่วนเกินและไขมันใต้ผิวหนังก็ยังมีอยู่ ทำให้คิ้วและแก้มยังย้อยอยู่ ส่วนการใช้เลเซอร์ขัดผิวก็ได้ผลคล้ายๆ กัน การผ่าตัดดึงหน้าและคอจะช่วยให้ไขมันส่วนเกินและผิวหนังที่ย้อย โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากและคิ้ว และคางด้านตรงและด้านข้างจะดีขึ้นชัดเจน อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถหยุดความแก่ชราลงได้ ในระยะยาวอาจจะต้องทำการผ่าตัดเพิ่มเติมได้ ส่วนรายละเอียดของการผ่าตัดจะแบ่งเป็น 4 ส่วนของใบหน้าและการผ่าตัดดึงหน้าอาจจะทำเป็นบางส่วนก็ได้ไม่จำเป็นต้องทั้ง 4 ส่วนพร้อมกัน ขึ้นกับว่าส่วนไหนมีการหย่อนยานมาก
1. ส่วนหน้าผากและคิ้ว การผ่าตัดมีจุดประสงค์ที่จะดึงบริเวณผิวหนังส่วนหน้าผากให้ตึงขึ้นไปด้านบน จะทำให้คิ้วกลับสู่สภาพที่ยังเยาว์วัย และลดรอยย่นตามขวางบริเวณหน้าผากและรอยย่นบริเวณหัวคิ้ว โดยการตัดกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่น ส่วนผิวหนังส่วนเกินจะตัดออกโดยซ่อนแผลไว้ในบริเวณที่มีผม
2. ส่วนรอบตาและโหนกแก้ม และแก้มข้างมุมปาก เรามักจะผ่าตัดหนังตาบนและหนังตาล่างไปพร้อมกัน โดยตัดหนังและไขมัส่วนเกินออกจากบริเวณรอบตา ส่วนรอยตีนกาทางด้านข้างของตาและโหนกแก้มก็จะผ่าตัดโดยดึงส่วนของผิวหนังและ กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังออกไปทางด้านข้างโดยการผ่าตัดอยู่บริเวณขมับในบริเวณ ที่มีผมเพื่อซ่อนรอยผ่าตัด ส่วนแก้มด้านข้างก็จะดึงออกไปบริเวณขมับเหนือใบหู ผิวหนังส่วนเกินก็จะตัดออกโดยมีแผลบริเวณร่องหน้าหู ซึ่งจะซ่อนรอยได้
3. คางส่วนกลางบริเวณใต้คางซึ่งมีไขมันย้อยอยู่ก็จะเอาออกได้โดย มีแผลเล็กๆ ใต้คาง และเย็บกระชับกล้ามเนื้อเพื่อไม่ให้มีสันย้อยใต้คาง นอกจากนี้อาจใช้การดูดไขมันร่วมด้วยได้ ส่วนคางด้านข้างก็จะดึงออกให้ตึงโดยแผลอยู่ที่หลังใบหู ร่วมกับการดึงคอ
4. การดึงผิวหนังบริเวณคอก็จะมีรอยผ่าตัดบริเวณไรผมทางด้านหลังหู และด้านข้าง จะซ่อนรอยผ่าตัดไว้ได้ โดยจะตัดหนังส่วนเกินออก
การ ผ่าตัดดึงหน้าเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลานาน 3-6 ชั่วโมง ถ้าต้องทำทุกส่วนทั้ง 4 ส่วน ผู้ป่วยมักต้องใช้ยาช่วยให้หลับหรือการดมยาสลบระหว่างผ่าตัดร่วมกับการฉีดยา ชาเฉพาะที่ ผู้ป่วยจึงต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง และควรได้รับการตรวจร่างกายและเช็คเลือด รวมทั้งเอ็กซเรย์ปอดก่อนทำการผ่าตัด และต้องไม่มีปัญหาเรื่องเลือดหยุดยาก และควรหยุดทานยาที่ทำให้เกร็ดเลือดทำงานผิดปกติ ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องเลือดออกมากกว่าธรรมดา เช่น ยาแอสไพริน หรือยาแก้อักเสบอีกหลายชนิด คนไข้ที่สูบบุหรี่ก็ควรหยุดบุหรี่ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพราะผลจากการสูบบุหรี่จะทำให้ผิวหนังช้ำง่าย และเส้นเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังมักจะไม่ดีเท่าคนปกติทำให้แผลหายช้า ถ้าเป็นเบาหวานหรือความดันสูงก็ต้องได้รับการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ปกติก่อน นอกจากนี้ควรอดอาหารก่อนผ่าตัด 4-6 ชั่วโมง
การผ่าตัดไม่จำเป็นต้องโกนผมมักจะให้ผู้ป่วยสระผมและล้างหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนผ่าตัด
หลัง ผ่าตัดจะมีใบหน้าบวมและมีรอยช้ำประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ผู้ป่วยสามารถล้างหน้า สระผม แปรงฟัน ได้ตามปกติ ในวันรุ่งขึ้นหลังการผ่าตัด และจะมีการตัดไหมประมาณ 5-7 วันหลังผ่าตัด โดยทั่วไปใบหน้าจะกลับสู่สภาพปกติระหว่าง 1-3 เดือน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวแพทย์จะนัดผู้ป่วยมาเช็คเป็นระยะๆ ในช่วงที่มีบวมของใบหน้า ส่วนต่างๆ ของใบหน้าอาจจะยังดูไม่เท่ากัน แต่ทุกอย่างจะกลับสู่ปกติเมื่อยุบบวมแล้ว โดยทั่วไปผู้ป่วยควรจะพักอยู่ภายในบ้านในสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด และอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 1-3 วันหลังการผ่าตัด
ผลข้างเคียงที่อาจ เกิดขึ้นได้ เช่น การเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มักจะเป็นผลจากการใช้ยาให้หลับหรือยาสลบ ในช่วงวันสองวันแรก อาจจะมีบริเวณใต้ผิวหนังซึ่งมีเลือดค้างอยู่ มักจะดีขึ้นเอง มีบางรายที่อาจต้องดูดออก อาจจะมีกล้ามเนื้อบางส่วนของใบหน้ายังทำงานไม่ได้ปกติ เช่น เวลายิ้ม หรือยักคิ้ว อาจจะไม่เท่ากัน มักจะดีขึ้นเองเมื่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อหายช้ำประมาณ 1-2 เดือน หลังผ่าตัด นอกจากนี้จะมีแผลเป็นบริเวณหลังหูอยู่นานหรือนูนได้ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการทายาหรือฉีดยาเฉพาะที่ ส่วนในบริเวณผมอาจจะมีผมร่วงบริเวณผ่าตัดได้ แต่มักจะงอกขึ้นมาใหม่ในระยะ 2-3 เดือนหลังผ่าตัด
มักจะมีคำถามว่าควรจะดึงหน้าเมื่ออายุเท่าไร โดยทั่วไปขึ้นกับลักษณะของผิวหนังของแต่ละคนมากกว่าอายุ ถ้าผิวหนังหย่อนเร็ว อายุ 40 ต้นๆ ก็สามารถผ่าตัดแก้ไขได้ และคำถามที่ว่าการผ่าตัดดึงหน้าแต่ละครั้งจะให้ผลนานเท่าใด ก็เช่นกัน การผ่าตัดไม่สามารถหยุดยั้งขบวนการแก่ชราลงได้ แต่จะทำให้ดูใบหน้าสดชื่น อ่อนเยาว์กว่าผู้ที่มีอายุใกล้เคียงกัน หรือดีกว่า ก่อนทำการผ่าตัด
Credit: siliconeclub.com
21,052 thoughts on “การดึงหน้าและคอ”