Depression-affect-young-people-Life

ผู้ชายกับศัลยกรรม (Cosmetic surgery for Men)

บทความโดย นพ.นิเวศ เสริมศีลธรรม

ถ้าเป็นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีใครมาบอกเราว่าผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนั้นไปทำศัลยกรรมมา ทุกคนมักจะลงความเห็นไปในทันทีว่า ต้องเป็นผู้หญิงประเภทสองอย่างแน่นอน แต่สำหรับวันนี้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่ผู้ชายแท้ๆ สักคนจะเดินเข้าคลินิกศัลยกรรมอย่างเปิดเผย ไม่ต้องปิดบังหรือหลบซ่อนอีกต่อไป

 

ผู้ชายที่เปลี่ยนไป
โลกที่เปลี่ยนไป สังคมที่เปลี่ยนไป ทัศนคติก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันคุณผู้ชาย (แท้ๆ) ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นทั้งเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย ดูได้จากฟิตเนสเซ็นเตอร์ที่เปิดกันเป็นดอกเ็ห็ด มีทั้งเทรนเนอร์กลุ่มและเทรนเนอร์ส่วนตัว หรือการดูแลผิวพรรณด้วยเครื่องสำอางสำหรับคุณผู้ชายโดยเฉพาะ

ถ้าเปรียบกับผู้ชายสมัยคุณพ่อ แค่ทาครีมกันแดดก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยอมรับกันไม่ได้แล้ว แต่ทุกวันนี้ใครที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน กลับจะดูเป็นเรื่องผิดปกติไป คุณผู้ชายรุ่นใหม่ดูแลตัวเองมากกว่าคนรุ่นก่อนเอามากๆ เพื่อให้ตนเองดูดีตลอดเวลา

ทั้งนี้เป็นเพราะเขาเหล่านั้นทราบดีว่า ในสังคมปัจจุบันนอกจากความรู้ดีแล้ว บุคลิกภาพ รูปร่างหน้าตาจะมีส่วนช่วยให้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน จึงไม่ยอมปล่อยให้กาลเวลามากระชากเอาความดูดี ความสดใสของตนเองที่ดูแลมาโดยตลอดไปได้

ทำไมผู้ชายจึงสนใจเรื่องศัลยกรรม
ถึงแม้คุณผู้ชายจะดูแลตนเองมากแค่ไหน ก็ยังจะมีบางส่วนที่ไม่สามารถจัดการให้ดูดีสมใจได้ อีกทั้งกาลเวลาก็ไม่เคยปรานีใครเช่นกัน สักวันหนึ่งทุกอย่างก็จะร่วงโรยและหย่อนยานไปตามกาลเวลา และด้วยทัศนคติในเรื่องบุคลิกภาพต่อความสำเร็จที่เปลี่ยนไป ทำให้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีความมั่นใจกลับคืนมา ประกอบกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าและทันสมัย ทำให้ “ปฏิบัติการคืนวัย” ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป

ความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
จากสถิติการทำศัลยกรรมตกแต่งในประเทศอเมริกาปี 2006 พบว่าในจำนวนผู้ที่ใช้บริการทางด้านศัลยกรรมประมาณ 10 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ชายถึง 1 ล้านคน หรือประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว และแนวโน้มน่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ

ในประเทศไทยเอง ถึงจะไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด แต่จากการติดตามผู้ที่เข้ามารับบริการในคลินิก พบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นจริงๆ บางวันมากกว่าคุณผู้หญิงด้วยซ้ำไป

ศัลยกรรมยอดนิยมสำหรับผู้ชาย
อันดับยอดนิยมในอเมริกา ได้แก่ การดูดไขมัน (พุงและเอว) การแก้ไขจมูก การแก้ไขหนังตาและถุงไขมันใต้ตา การลดขนาดเต้านม (ที่โตผิดปกติ) และการดึงหน้า นี่ยังไม่นับรวมถึงการฉีดยาลดริ้วรอย การใช้สารเติมแต่งหรือการใช้แสงเลเซอร์เพื่อดูแลผิวพรรณอีกไม่รู้เท่าไร สำหรับประเทศไทยเองก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน และน่าจะเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก

ศัลยกรรมตกแต่งสำหรับผู้ชายจึงไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจหรือเป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาเหล่านั้นเชื่อเหลือเกินว่าบุคลิกภาพที่ดีย่อมนำไปสู่ความมั่นใจและความสำเร็จ และศัลยกรรมก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถนำเขาไปสู่จุดนั้นได้

ศัลย์และศิลป์
ศััลยกรรมตกแต่งถือเป็นงานที่แพทย์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างหรือสรีระของคนทั่วไปเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะจะต้องนำความรู้เหล่านั้นไปแก้ไขความพิการที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ให้กลับมาเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงดังเดิมให้้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

และด้วยเนื้อเยื่อของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างจำกัดแล้ว ศัลยแพทย์ตกแต่งจึงต้องวางแผนการรักษาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ทั้งรูปร่าง ความสวยงามและการทำงานของอวัยวะส่วนนั้นๆ จึงเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งศัลยกรรมและศิลปะควบคู่กันไปเสมอ

แต่สำหรับงานด้านศัลยกรรมความงามแล้ว ศิลปะที่ใช้ดูจะต้องลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก เนื่องจากเรากำลังแก้ไขคนปกติให้มีรูปร่างหน้าตาที่ดูดียิ่งขึ้น

ลักษณะงานที่ทำ จึงไม่ใช่งานที่มีลักษณะเป็น “บล็อก” หรือแบบเดียวกันเสมอไป เนื่องจากรูปร่างหน้าตาและโครงสร้างในแต่ละส่วน แต่ละคนล้วนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกทั้งเป็นความงามในลักษณะ 3 มิติ ดังนั้นจึงไม่สามารถดูเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งได้ เช่นการแก้ไขรูปจมูก จำเป็นต้องดูองค์ประกอบส่วนใบหน้า ดวงตาหรือคางร่วมด้วยเสมอ ไม่สามารถแยกส่วนเฉพาะจมูกได้ เป็นต้น

มุมมองที่แตกต่าง
ด้วยเหตุที่ความสวยงามเป็นเรื่องของมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฉกเช่นเดียวกับรูปปั้นที่บรรจงขึ้นอย่างดีเยี่ยมแล้ว ก็ยังไม่วายที่จะถูกตำหนิจนได้

สำหรับศัลยกรรมความงามแล้วย่อมมีผลต่อจิตใจของเจ้้าของเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ปลื้มปิติอย่างมีความสุขหรือเสียใจสุดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นงานปั้นของศัลยแพทย์ตกแต่ง จึงจำเป็นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ลึกซึ้ง เพื่อให้ผลงานออกมาดีและถูกใจเจ้าของในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าแพทย์จะใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ลึกซึ้งเพียงใดก็ตาม จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม โอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดย่อมมีได้เสมอ ดังนั้น ผู้รับบริการก็ย่อมต้องเข้าใจในสัจธรรมข้อนี้เช่นเดียวกัน ไม่่คาดหวังเกินกว่าศาสตร์และศิลป์ที่มีอยู่ในขณะนี้จะบันดาลให้ได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ablehealth11.blogspot.com

และภาพประกอบจาก google.co.th

Credit pic: healthspablog.org

 

ใส่ความเห็น